แนะนำซีรีย์ My Name Series (2021) มาย เนม

หลังจากที่ ซีรีย์ My Name Series (2021) มาย เนม ได้เปิดตัวใน NETFLIX ไม่นานแต่กลับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วจนขึ้นอันดับ 1 เลยทีเดียว กับซีรีย์แอคชั่น ดราม่า อาชญากรรม ที่ถ่ายทำในประเทศเกาหลี ซึ่งซีรีย์เรื่องนี้กำลังเป็นกระแสมาแรงอยู่ในเวลานี้ พร้อมกับมีผู้คนให้ความสนในในการแสดงความคิดเป็นต่อซีรีย์เรื่องนี้เป็นจำนวนมาก

ซีรีย์ My Name Series (2021) มาย เนม ถือว่าเป็น ซีรีย์เกาหลีที่ขึ้นอันดับที่ 1 หลังจากการเปิดตัว ซีรีย์แนวแอคชั่น อาชญากรรม เหมือนที่เราเคยเห็นมาแล้วในเรื่อง Vagabond (2019) หรือใน Vincenzo (2021) นั่นเอง จากผลงานที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่องทำให้ได้รับการจับตามองมากขึ้นในเรื่องนี้


ตัวอย่างซีรีย์ My Name (2021)

เรื่องย่อ My Name (2021) ต้องย้อนกลับไปในวัยมัธยมปลายของ ‘จีอู’ (ฮัน โซฮี) เริ่มถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนในโรงเรียนเพราะพ่อของเธอออกข่าวโด่งดังเป็นพวกแก๊งค้ายาที่กำลังกบดานซ่อนตัว จนเธอทนไม่ไหวระบายความอึดอัดให้พ่อฟังทางโทรศัพท์ พ่อของเธอจึงรีบรุดมาหาถึงบ้าน ก่อนจะโดนดักยิงตายต่อหน้าลูกสาว จีอูในช่วงสิ้นหวังสุด ๆ จึงยอมไปฝึกกับพวกนักเลงของ ‘มูจิน’ (พัค ฮีซุน) เพื่อหวังจะได้แก้แค้นคนที่ฆ่าพ่อตัวเอง ซึ่งพอมูจินบอกว่าคนร้ายคือตำรวจ เธอก็ยอมแฝงตัวสมัครทำงานตำรวจโดยมุ่งเป้าไปที่แผนกปราบปรามยาเสพติด ด้วยจุดประสงค์เดียวคือหาคนที่ฆ่าพ่อตัวเอง

ชื่อเรื่อง : My Name (2021)
ประเภท : แอคชั่น , ดราม่า , อาชญากรรม
นักแสดงนำ : So-hee Han Ahn Bo-Hyun Hee-soon Park
ผู้กำกับ : Kim Jin-Min
ผู้เขียนบท : Kim Ba-Da
จำนวนตอน : 8 ตอน
ช่องทางรับชม : Netflix
ความยาว : 55 นาที


ข้อสังเกตของ My Name Series (2021) มาย เนม

จุดที่เป็นดราม่าควรจะดึงอารมณ์มาชดเชยจุดด้อยได้ แต่ส่วนตัวไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับจีอูขนาดนั้นเพราะช่วงหลังเล่าย้วยเกิน ช่วงแรกของซีรีส์คือเหยียบคันเร่งไม่แคร์ความสมเหตุสมผล บทจีอูไปฝึกไม่นานจะล้มผู้ชายหรือเข้าประลองต่อสู้เก่งขนาดนั้นเอาจริงก็ยากจะเชื่ออยู่ แต่ก็เข้าใจได้ว่า pacing ของซีรีส์ต้องการเดินหน้าเร็วๆ เลยไม่คิดว่าความบางเฉียบช่วงแรกจะเป็นปัญหาอะไร

แต่เข้าช่วงตำรวจสืบคดียาเสพติด กับแก๊งใหม่เริ่มวางแผนโค่นมูจิน เรื่องมันก็ยังเล่าไม่หนัก อาจจะเพราะจุดขายจริง ๆ คือเส้นเรื่องการล้างแค้นของจีอู เลยโยนน้ำหนักไปให้ความคลุมเครือในกลุ่มตำรวจและสายสัมพันธ์ระหว่างจีอูกับมูจิน ที่ให้ฟีลอ่อนโยนแด๊ดดี้แบบไม่ใช่เชิงชู้สาว ซีรีส์พัฒนาความสัมพันธ์จนเคมีตัวละครต่อกันติดเพื่อจะมาใช้ขยี้อารมณ์และความสะเทือนใจในช่วง 2-3 ตอนสุดท้าย ซึ่งกลายเป็นปัญหาสำหรับเรา เพราะ pacing ผ่อนคันเร่งจนย้วย เนื้อเรื่องแทบไม่ขยับ เลือกทำให้ซับซ้อนขึ้นโดยไม่จำเป็นด้วย เน้นขายอารมณ์จนคิดว่าเล่าดี ๆ เราก็ยังอินโดยที่สามารถจบใน 60 นาทีได้สบาย

ส่วนถ้าหวังซีรีส์แอ็คชั่น อันนี้คือแอ็คชั่นไม่ได้เยอะ และไม่ได้เจ๋งขนาดจะหยิบมาเชียร์ว่าเป็นซีรีส์แอ็คชั่นได้ มันก็ซีรีส์โทนนักสืบที่มีแอ็คชั่นมาแต่งเติมให้มีความตื่นเต้นบ้าง

ติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์ ก่อนใครได้ที่ howtowinyourexbackeasy.com