รีวิว Ford vs Ferrari ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์

รีวิว Ford vs Ferrari

เรื่องย่อ Ford vs Ferrari

เมื่อค่ายผลิตและขายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง ฟอร์ด กำลังคิดจะขยับขยายสร้างความรุ่งเรืองที่มากกว่าการเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ขายรถได้มากมาย ผู้บริหารของฟอร์ดจึงตัดสินใจที่จะเปิดเจรจาการซื้อกิจการรถแข่งของ เฟอร์รารี่ แต่เมื่อการเจรจากับค่ายรถที่เป็นคู่แข่งดูจะไม่เป็นผล และด้วยความมุ่งมั่นว่า ฉันจะเป็นผู้สร้างรถแข่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา พวกเขาจำเป็นต้องมีมือดีด้านรถแข่งมาร่วมสร้างทีม และคนที่มองหาคนนั้นก็คือ “แคร์โรล เชลบี้” อดีตนักแข่งรถสุดยอดเยี่ยมที่เลิกแข่งเพราะปัญหาด้านสุขภาพ แต่เขาผันตัวมาสร้างทีมรถแข่งแทน และเมื่อเขาตัดสินใจเข้าร่วมมือกับฟอร์ด คนจึงได้ตัดสินใจที่จะทาบทามคนที่เขามองว่าเข้าใจรถและขับรถแข่งได้เก่งที่สุดไม่มีใครเกิน นั่นคือ “เคน ไมลส์” หนุ่มผู้ที่รักรถแข่งเป็นชีวิตจิตใจ ผู้กำลังจะล้มละลายจากธุรกิจแต่งรถที่กำลังพังไม่เป็นท่า แต่พอดีว่า เคน ไมลส์ ดูเป็นพวกเข้าถึงยากไปสำหรับคนในฟอร์ดมอเตอร์ วิถีแห่งการเป็นนักแข่งรถที่เคนใฝ่ฝันจะเป็นไปได้หรือไม่

ตัวอย่าง Ford vs Ferrari


รีวิว Ford vs Ferrari ความรู้สึกและความประทับใจหลังดูจบ

ด้านตัวละครหลักของ Ford v Ferrari

นักแสดงหลัก Ford vs Ferrari

ตัวหนังได้บอกเล่าเรื่องราวได้น่าสนใจและชวนให้ติดตามทุกวินาที หนังเริ่มต้นเรื่องที่ คารอล เชลบี ในคืนแข่งรถสนามเลอมังค์ นักแสดงได้ถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครในตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ในตอนนั้นเป็นช่วงใกล้แข่งจบเขามีทั้งความเครียดและปัญหาสุขภาพรุมเร้าจนส่งผลให้เขากลายเป็นโรคหัวใจ เพื่อสื่อให้เห็นชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งที่เขาทุ่มเทให้ทุกสนาม แต่เขาโชคร้ายเมื่อการเข้าพิตช์ในครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายในการแข่งขันของเขา หลังจากนั้นเขาได้พบกับ เคน ไมลส์ นักแข่งอังกฤษที่ทำงานประจำเป็นช่างซ่อมรถฝีปากกล้า ทำให้เขารู้สึกว่าเขาทั้งสองคนมีอะไรที่คล้ายกัน ดังนั้นมิตรภาพของพวกเขาเลยเกิดขึ้นท่ามกลางความร้อนแรงในสนามแข่งขัน จากนั้นหนังก็ดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆ และเล่าให้เราผูกพันกับตัวละครทั้งสองจนทำให้เราอดลุ้นตามไม่ได้ ไม่เพียงแค่ในฉากแข่งรถเท่านั้น แม้กระทั่งตอนตัวละครต่อเถียงหรือด่ากัน เรายังอดขำตามไม่ได้ แถมเหตุการณ์ในชีวิตทั้งคู่ยังวนเวียนกับการทะเลาะกับเหล่าผู้บริหาร หรือกระทั่งทะเลาะกันเองจนหนังให้มิติความสัมพันธ์ที่หลากหลาย ไม่จำเจ ที่สำคัญคาดเดาได้ยาก หนังพาให้ความรู้สึกเหมือนเราได้ไปอยู่ในเหตุการณ์ร่วมกับเขาทั้งสองจริงๆ

ด้านเทคนิคของหนัง

  • งานกำกับของผู้กำกับสุดแหวกแนวอย่าง เจมส์ แมนโกลด์ ที่ได้กำกับหนังอย่าง Logan (2017) ที่วิสัยทัศน์ในการกำกับหนังของเขาต้องบอกเลยว่าไม่น่าเบื่ออย่างแน่นอน อย่างเช่น งานบทที่บอกเล่าเรื่องราวตัวละครแต่ละตัวได้ละเอียดละออ และเขายังแทรกจังหวะคอมเมดี้ให้เราได้มีอารมณ์ขำและสนุกไปกับตัวละครได้แทบทุกซีน
  • ส่วนฉากแอคชั่นในการแข่งรถก็ต้องบอกว่า นี่เป็นหนังแข่งรถไม่กี่เรื่องที่ทำให้เราต้องนั่งลุ้นและตื่นเต้นจนเหนื่อย เหมือนกับเราได้ไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยร่วมกับตัวละคร โดยเฉพาะซีนดราม่าที่ เคน ไมลส์ ถูกสะกัดดาวรุ่งอดไปแข่ง เลอมังค์ จนต้องฟังการแข่งขันทางวิทยุ
  • ในด้านงานเสียงที่เครื่องยนต์ชั้นดีจะมาพร้อมเสียงที่ชวนให้ฮึกเหิม ซึ่งมีแน่นอนกับ Ford v Ferrari แม้แต่ฉากบทสนทนาธรรมดาหนังเรื่องนี้ยังทำให้เรายังรู้สึกได้ถึงบรรยากาศ ความใกล้ไกลของเสียงที่เป็นธรรมชาติ และพอถึงฉากแข่งรถหรืองานเปิดตัวทีมแข่งรถทำให้เรารู้เลยว่างานเสียงของหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีจริงๆ