รีวิว Raya and the Last Dragon ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของดิสนีย์ ซึ่งดิสนีย์กล่าวว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล่าเรื่องราวของ รายา เจ้าหญิงแห่งคูมันตรา ที่ต้องตามสืบเสาะหาชิ้นส่วนเศษอัญมณีที่ขาดหายไป เพื่อฟื้นคืนชีพมังกร และถอนคำสาปให้มนุษย์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
เรื่องย่อ Raya and the Last Dragon
นานมาแล้ว ในโลกแฟนตาซีแห่งนครคูมันตรา สถานที่ที่มนุษย์และมังกรอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่เมื่อมีพลังชั่วร้ายคุกคามดินแดน หล่ามังกรจึงยอมสละตัวเองเพื่อช่วยมนุษยชาติ 500 ปีต่อมา ความชั่วร้ายแบบเดียวกันนั้นได้กลับมาอีกครั้ง และเป็นหน้าที่ของ รายา ในการติดตามมังกรตัวสุดท้ายในตำนาน เพื่อฟื้นฟูดินแดนที่ร้าวและผู้คนที่แตกแยก อย่างไรก็ตามตลอดการเดินทางของเธอเธอจะได้เรียนรู้ว่าต้องใช้มากกว่ามังกรในการกอบกู้โลก แต่ต้องใช้ความไว้วางใจและการทำงานเป็นทีมด้วยเช่นกัน
ผู้กำกับ นำเสนอองค์ประกอบของ Raya and the Last Dragon ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พยายามสร้างโลกและเรื่องราว ในดินแดนแต่ละแห่งที่รายาและเพื่อน ๆ ได้เดินทางไป มีการออกแบบตัวละครที่คิดมาแล้วเป็นอย่างดี ผสมผสานกับเสียงพากย์ที่ไม่ดูเป็นการ์ตูนมากจนเกินไป และไม่ยัดเยียดความแฟนตาซีเข้าไปจนเกินงาม ทำให้ รายากับมังกรตัวสุดท้าย ฉบับดิสนีย์ ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
ในส่วนของพล็อตเรื่อง รายาไม่ได้พยายามทำให้พ่อของเธอกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่เธอพยายามที่จะทำให้โลกนี้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นภาพยนตร์ที่ฉลาดในการเล่าเรื่อง นำเอาประเด็นสำคัญในปัจจุบันนั่นคือความสามัคคีมาเล่า พยายามหาจุดร่วมของแต่ละเหตุการณ์ มีการแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจการให้อภัย และความกล้าหาญ มีสาเหตุมาจากอะไร อะไรเป็นผลให้เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน